โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) คือภาวะที่มีความผิดปกติของโครงสร้างหรือการทำงานของไตเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 3 เดือน โดยส่งผลต่อสุขภาพของผู้ป่วย เช่น มีโปรตีนหรือเม็ดเลือดแดงรั่วในปัสสาวะ สมดุลเกลือแร่และกรดด่างผิดปกติ ความผิดปกติทางรังสีวิทยา ความผิดปกติทางพยาธิสภาพของไต ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต หรือผู้ป่วยที่มีอัตราการกรองของไตต่ำกว่า 60 มล./นาที/1.73 ตร.ม
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรัง
- Diabetes
- High blood pressure
- โรคแพ้ภูมิตนเอง (Autoimmune Diseases) ที่อาจก่อให้เกิดไตผิดปกติ
- ตรวจพบนิ่วในไตหรือในระบบทางเดินปัสสาวะ
- อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
- โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease)
- มีมวลเนื้อไต (Renal Mass) ลดลง หรือมีไตข้างเดียว ทั้งที่เป็นมาแต่กำเนิดหรือเป็นในภายหลัง
- มีประวัติญาติสายตรงเป็นโรคถุงน้ำในไตชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรมชนิดยีนเด่น (Autosomal Dominant Cystic Kidney Disease) หรือตรวจพบถุงน้ำในไตมากกว่า 3 ตำแหน่งขึ้นไป
- มีประวัติไตวายเฉียบพลัน
- ได้รับยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-inflammatory Drugs) หรือสารที่มีผลกระทบต่อไต (Nephrotoxic Agents) เป็นประจำ เช่น ไคร้เครือ ซึ่งมีส่วนประกอบของ Aristolochic Acid, มะเฟือง ซึ่งมีส่วนประกอบของ Oxalic Acid
- โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบนซ้ำหลายครั้ง
- โรคเก๊าท์ (Gout) หรือระดับกรดยูริคในเลือดสูง
- มีประวัติโรคไตเรื้อรังในครอบครัว
- ใช้ยาสมุนไพรติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
- โรคติดเชื้อในระบบต่างๆ (Systemic Infection) ที่อาจก่อให้เกิดโรคไต
โรคไต มีกี่ระยะ อะไรบ้าง
โรคไตวายเรื้อรัง ในปัจจุบันถูกแบ่งตามตามหลักการ CGA (Cause, GFR, Albuminuria)
- สาเหตุของการเกิดโรค (Cause)
- 5 ระยะ ตามอัตราการกรองของไต (GFR) G1-G5
- 3 ระยะตามปริมาณโปรตีนอัลบูมินที่รั่วทางปัสสาวะ (Albuminuria)
อาการโรคไต
อาการโรคไต ในแต่ละระยะ
- ค่าไต (eGFR) ระยะ G1-G2 : ในระยะแรกๆ ของโรคไตเรื้อรังผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
- ค่าไต (eGFR) ระยะ G3 : เมื่อผู้ป่วยมีอัตราการกรองไตต่ำลงถึงระยะ G3 จะเริ่มมีสมดุลของเกลือแร่แคลเซียม ฟอสฟอรัสผิดปกติ แต่ยังมักไม่แสดงอาการ
- ค่าไต (eGFR) ระยะ G4 : เมื่อผู้ป่วยมีอัตราการกรองไตต่ำลงถึงระยะ G4 จะเริ่มมีภาวะซีด ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่าย เพลีย เป็นต้น
- ค่าไต (eGFR) ระยะ G5 : เมื่อผู้ป้วยเข้าสู่ระยะ G5 หรือระยะก่อนฟอกไต ผู้ป่วยจะเริ่มมีสารน้ำและของเสียคั่งในร่างกาย ซึ่งระยะนี้จะมีอาการแสดงของโรคไตมากที่สุด อาจมีอาการบวม เหนื่อย สับสน คลื่นไส้ อาเจียน รับประทานอาหารได้น้อยลง ซึม เป็นต้น
การตรวจวินิจฉัยโรคไต
- ค่าการทำงานของไต (eGFR) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- อัลบูมินในปัสสาวะ (Albuminuria) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ตรวจอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุโรคไต อาทิ Urine analysis, การทำอัลตราซาวนด์ไต, การส่งตรวจหาโรคแพ้ภูมิตนเอง (Autoimmune)
การรักษาโรคไต แบ่งเป็น
การป้องกันและชะลอไตวายเรื้อรัง
- จำกัดการรับประทานเค็ม (NaCl < 5g/วัน)
- จำกัดโปรตีนในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะก่อนการบำบัดทดแทนไต
- ควบคุมความดันโลหิต
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคไตเรื้อรัง
- ควบคุมระดับไขมันในเลือด
- งดสูบบุหรี่
- ลดโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
การรักษาภาวะแทรกซ้อนจากภาวะไตวายเรื้อรัง
- การให้ยาขับปัสสาวะในผู้ป่วยที่มีอาการบวม
- การให้ยากระตุ้นเม็ดเลือดในผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจางจากไตวายเรื้อรัง
- การให้ยาปรับสมดุลกรดด่างในร่างกาย
- ดูแลรักษาความผิดปกติของแคลเซียมและฟอสเฟต
- บำบัดทดแทนไต เมื่อเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้าย (ESRD) ได้แก่ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม, การล้างไตทางช่องท้อง หรือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
- รักษาโรคแทรกซ้อนจากภาวะไตวายเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด
- เสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
จะเห็นได้ว่าโรคไตวายเรื้อรัง มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และยังเป็นโรคที่ป้องกันและชะลอการเสื่อมของไตได้ หากได้รับการดูแลที่เหมาะสมและถูกต้อง
Kidney Transplantation Center
Thainakarin Hospital
02-340-7777


