‘นิ่วในถุงน้ำดี’ หรือ ‘Gall Stone’ เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงสะสมเป็นเวลานาน จนตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วในถุงน้ำดี ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการใดๆ แต่หากแสดงอาการ มักเป็นผลจากการอุดตันของท่อน้ำดีหรือการอักเสบในถุงน้ำดี ทำให้มีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงขวา แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ฯลฯ หากมีอาการดังกล่าว แนะนำให้รีบพบแพทย์ เพราะถ้าปล่อยไว้จนเรื้อรัง อาจเสี่ยงรุนแรงถึงขั้นถุงน้ำดีแตก หรือติดเชื้อในกระแสเลือดได้
นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากอะไร
นิ่วในถุงน้ำดี คือการที่มีตะกอนแข็งคล้ายหินก่อตัวขึ้นภายในถุงน้ำดี ซึ่งปกติถุงน้ำดีทำหน้าที่เก็บและหลั่งน้ำดีเพื่อช่วยย่อยไขมัน ตะกอนเหล่านี้มักเกิดจากความไม่สมดุลของสารประกอบในน้ำดี เช่น คอเลสเตอรอล เกลือในน้ำดี และสารประกอบอื่นๆ
ปัจจัยที่ทำให้เกิด นิ่วในถุงน้ำดี
- มีคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง
- การบีบตัวของถุงน้ำดีผิดปกติ ทำให้น้ำดีค้างนาน
- ภาวะอ้วนหรือการลดน้ำหนักเร็วเกินไป
- กรรมพันธุ์และประวัติครอบครัว
- โรคบางชนิด โดยเฉพาะโรคที่เม็ดเลือดแดงผิดปกติ เช่น ธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
- ยาบางชนิด เช่น ยาฆ่าเชื้อบางชนิด
ใครบ้างมีโอกาสเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
- ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจน
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน
- ผู้ที่รับประทานอาหารไขมันสูง
- หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดระยะยาว ถุงน้ำดีบีบตัวลดลงจากฮอร์โมน และคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงขึ้น
อาการของนิ่วในถุงน้ำดี
นิ่วในถุงน้ำดี ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการ แต่หากแสดงอาการ มักพบว่า
- ปวดท้องบริเวณชายโครงขวาหรือท้องบน
- ปวดร้าวไปไหล่ขวาหรือหลัง
- แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารมัน
- คลื่นไส้ อาเจียน
ในผู้ป่วยบางรายคิดว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะ รับประทานยาลดกรด เป็นๆ หายๆ มานาน มาตรวจอัลตราซาวนด์ถึงรู้ว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
- ตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง เป็นวิธีมาตรฐานที่แม่นยำ
- ตรวจเลือด เพื่อดูการทำงานของตับ
- ในบางกรณีอาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น CT scan หรือ MRI โดยเฉพาะรายที่สงสัยมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากนิ่ว
นิ่วในถุงน้ำดี รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง
- ถ้าไม่มีอาการ อาจเพียงติดตามอาการเป็นระยะ
- ถ้ามีอาการ เช่น ปวดบ่อย อักเสบ มีภาวะแทรกซ้อน หรือในบางรายที่เสี่ยงต่อมะเร็งถุงน้ำดี ควรผ่าตัดถุงน้ำดีออก ซึ่งปัจจุบันการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก ปวดน้อย ฟื้นตัวไว
- การใช้ยาละลายนิ่ว มีข้อจำกัดและไม่ค่อยได้ผลในระยะยาวและมีผลข้างเคียงได้
ผ่าตัดผ่านกล้องนิ่วในถุงน้ำดี คืออะไร ดีอย่างไร
การผ่าตัดถุงน้ำดี ด้วยกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy) เป็นวิธีมาตรฐานในปัจจุบัน
- กรีดแผลเล็กเพียง 3-4 จุด
- ใส่กล้องและเครื่องมือเข้าไปตัดถุงน้ำดีออก
ข้อดีของการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ผ่านกล้อง
- แผลเล็ก
- เจ็บน้อย
- ฟื้นตัวเร็ว
- ระยะเวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลสั้น
ไม่อยากเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ป้องกันอย่างไร
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- รับประทานอาหารที่มีไขมันพอเหมาะ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักเร็วเกินไป
นิ่วในถุงน้ำดี หายเองได้ไหม?
นิ่วในถุงน้ำดี โดยมากไม่สามารถหายไปเอง ส่วนใหญ่จะคงอยู่หรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การรักษาที่ได้ผลแน่นอนคือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก
ทำไมนิ่วในถุงน้ำดี พบมากในผู้หญิงวัย 40+
ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง ส่งผลให้คอเลเตอรอลในน้ำดีสูงขึ้น ประกอบกับวัย 40+ มักเริ่มมีการเผาผลาญลดลง และบางรายอาจมีประวัติการตั้งครรภ์หรือใช้ยาคุมกำเนิด ทำให้ผู้หญิงวัยนี้เสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ
นิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยกลางคนขึ้นไป หากมีอาการผิดปกติควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงได้


