เลือดออกในสมอง (Intracerebral Hemorrhage) เป็นโรคที่พบได้บ่อย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ที่มักใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ มีภาวะเคร่งเครียดสะสม ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดออกในสมอง ซึ่งมีอาการเตือนของโรค ได้แก่ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ตามัว ซึมลง และชัก หากมีอาการหรือสงสัยว่าตนเองมีเลือดออกในสมอง ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางโรคสมองอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจก่อให้เกิดความพิการ หรือเสียชีวิตได้
เลือดออกในสมอง เกิดได้จากหลายสาเหตุ
โดยจะแบ่งอย่างง่ายๆ ได้ 2 ชนิด ได้แก่ เกิดจากเส้นเลือดสมองเอง และเกิดจากภาวะอื่นๆ
- โรคหลอดเลือดสมองแตกจากเส้นเลือดสมองเอง
1.1.เส้นเลือดฝอยแตกจากความดันโลหิตสูง
1.2.เส้นเลือดใหญ่แตกจากภาวะโป่งพองของเส้นเลือด
1.3.เส้นเลือดขอดในสมอง ซึ่งมีการพบแตกได้ตั้งแต่อายุน้อย
1.4.เส้นเลือดแตก จากความผิดปกติอื่นๆ ของเส้นเลือด (พบไม่บ่อย) - เกิดจากภาวะอื่นๆ
2.1.อุบัติเหตุ
2.2.เนื้องอกในสมอง
2.3.โรคเลือด
2.4.โรคตับ
อาการของโรคเลือดออกในสมอง จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่เลือดออก ขนาดของก้อนเลือดและสาเหตุ มีอาการดังนี้
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- อ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก อัมพฤกษ์ อัมพาต
- พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว
- ตามัว
- ซึมลง หรือไม่รู้สึกตัว
- ชัก
จะทราบได้อย่างไรว่ามีเลือดออกในสมอง
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์ร่วมกับ
- ตรวจสมองด้วยเครื่องเอกซเรย์ต่างๆ
2.1.CT scan ทราบผลเร็ว บอกได้ว่ามีเลือดออกหรือไม่ และออกตรงไหน
2.2.MRI บอกได้ละเอียดรวมถึงบอกสาเหตุได้เกือบทั้งหมด (ถ้าตรวจร่วมกับ MRA และ/หรือ MRV)
2.3.Angiogram (CT Brain) เป็นการตรวจอย่างละเอียด ดูการไหลเวียนของเลือดได้ครบ ในปัจจุบันสามารถทำเป็นภาพสามมิติได้
การรักษาเลือดออกในสมองในระยะฉุกเฉิน
ต้องทำแข่งกับเวลาเพื่อช่วยชีวิต ลดความพิการที่จะเกิดขึ้น โดยมีการรักษาดังนี้
- รักษาตามอาการ ด้วยการใช้ยา
- ผ่าตัดเจาะระบายน้ำในสมอง ทำในกรณีเกิดน้ำคั่งในสมองร่วมหรือเพื่อวัดและลดความดันในสมอง
- ผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ นำเลือดในสมองออกลดสมองบวม และแก้ไขสาเหตุที่เลือดออก
- การอุดรอยรั่วของโรค ซึ่งไม่ต้องมีแผลผ่าตัด สามารถทำได้โดยการอุด
• ขดลวด กรณีเส้นเลือดโป่งพอง
• กาว กรณีเส้นเลือดขอด
การรักษาเลือดออกในสมองต่อเนื่องหลังพ้นภาวะฉุกเฉิน
- การทำกายภาพบำบัด โดยจำเป็นต้องฟื้นฟูให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
- การดูแลต่อเนื่อง เพื่อป้องกันภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายหลัง โดยเฉพาะภาวะน้ำคั่งในสมอง หรือชัก
- การป้องกันการเกิดซ้ำ โดยหมั่นวัดความดันโลหิต เบาหวาน ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น งดสูบบุหรี่ งดนอนดึก งดเครียดทั้งกายและใจ
เลือดออกในสมองก่อให้เกิดความพิการ และเสียชีวิตได้ มีผลกับทั้งคนไข้ รวมถึงคนในครอบครัวที่ต้องดูแล การป้องกันไม่ให้เกิดจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ด้วยการดูแลสุขภาพ ตรวจเช็คร่างกายสม่ำเสมอ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ก็จะลดการเกิดโรคได้ แต่ถ้ามีอาการหรือสงสัยว่าเรามีเลือดออกในสมอง ควรพบแพทย์ทางสมองอย่างรวดเร็ว จะทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น