กระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นภาวะที่เกิดจากการเสื่อมหรือบางลงของกระดูก เนื่องจากสูญเสียแคลเซียม ส่งผลให้กระดูกเปราะหรือหักได้ง่าย โรคนี้มักไม่แสดงอาการหรือก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ นอกจากกระดูกแตกหรือหัก ซึ่งพบได้บ่อยในบริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก และกระดูกข้อมือ โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน ได้แก่ ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มกาแฟ สูบบุหรี่ ลดน้ำหนักผิดวิธี ใช้ยาสเตียรอยด์เกินขนาด และขาดวิตามิน ดี หรือแคลเซียม
สาเหตุของโรคกระดูกพรุน
- ผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี กระดูกจะบางลงทุก 1-3% ทุกปี
- สูญเสียฮอร์โมนเพศหญิงเนื่องจากหมดประจำเดือน เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของการเกิดโรคกระดูกพรุน
- สตรีหมดประจำเดือนเร็วหรือได้รับการผ่าตัดรังไข่ทิ้งก่อนอายุ 45 ปี
ปัจจัยเสี่ยงร่วมที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน
- พันธุกรรม
- สตรีวัยหมดประจำเดือน
- คนผิวขาวและคนเอเชีย
- ขาดวิตามินดีและแคลเซียม
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำ
- สูบบุหรี่
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากโหมออกกำลังกายหรืออดอาหาร
- ใช้ยาสเตียรอยด์เกินขนาด
- ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น โรคต่อมไทรอยด์
- เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ โรคทางเดินอาหารผิดปกติ
‘กระดูกพรุน’ ถือเป็นภัยเงียบที่อันตราย เพราะโรคนี้มักไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ ซึ่งกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นโรคกระดูกพรุนก็ต่อเมื่อมีอาการกระดูกหักหรือแตกแล้ว โดยส่วนใหญ่จะพบในสตรีวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากสูญเสียฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลัง ซึ่งหากมีภาวะกระดูกพรุนเป็นเวลานานโดยไม่รีบรักษา อาจทำให้กระดูกสันหลังยุบตัวหรือเกิดหลังค่อมได้
การรักษาโรคกระดูกพรุน
- ฮอร์โมนเสริม รับประทานเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนสังเคราะห์ เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน
- รักษาด้วยยา รับประทานยาที่ใช้ในการรักษาโรคกระดูกพรุนโดยตรง ทำให้ลดการทำลายของกระดูก เพิ่มการสร้างทำให้มวลกระดูกหนาแน่นขึ้น
- รักษาโดยการผ่าตัด เพื่อแก้ไขภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากภาวะกระดูกหัก เช่น การฉีดซีเมนต์ที่กระดูกสันหลัง ในรายที่กระดูกสันหลังหัก ยุบ หรือการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมในรายที่กระดูกสะโพกหัก
การป้องกันโรคกระดูกพรุน
- ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะกลางแจ้งตอนที่มีแดดอ่อน เช่น เวลาเช้า หรือเย็น
- เมื่อมีความเจ็บป่วยไม่ว่าจากสาเหตุใด ควรรีบทำกายภาพบำบัด หรือเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายให้เร็วที่สุดเท่าที่สภาพร่างกายจะเอื้ออำนวย
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลากระป๋อง ซึ่งสามารถรับประทานกระดูกปลาได้ หรือดื่มนมพร่องไขมันเนย ผักผลไม้ เป็นต้น
- งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
- ไม่ควรซื้อยารับประทาน เช่น ยาลูกกลอน เพราะมักจะมีสารเสตียรอยด์ผสมอยู่ ทำให้กระดูกพรุนได้โดยไม่รู้ตัว