Shopping Cart

No products in the cart.

ตรวจภูมิแพ้ มีกี่วิธี แตกต่างกันอย่างไร?

การทดสอบโรคภูมิแพ้ เป็นการทดสอบทำให้รู้ถึงสิ่งที่เราแพ้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เราสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้เหล่านั้น ทั้งจากการตั้งใจ หรือจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นำไปสู่การป้องกันและดูแลตัวเองให้ห่างจากความเสี่ยงที่เกิดจากการแพ้

ตรวจภูมิแพ้ ทำได้ 2 วิธี

  1. เจาะเลือด (Serum Specific IgE)
  2. สะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test)
    ทั้งนี้ การเลือกวิธีทดสอบในโรคภูมิแพ้ จะเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ ร่วมกับการตัดสินใจของผู้ป่วย ซึ่งการทดสอบแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันไป

ตรวจภูมิแพ้ มีกี่วิธี แตกต่างกันอย่างไร

ตรวจภูมิแพ้ ด้วยวิธีเจาะเลือด (Serum Specific IgE)

การตรวจเลือดหาภูมิต้านต่อสารก่อภูมิแพ้ คือการตรวจเลือดเพื่อหาระดับภูมิ ต่อต้านที่จำเพาะต่อโปรตีนของสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด โดยความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกับการทดสอบทางผิวหนัง

ข้อดี

  • ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ อาหาร แต่ต้องงดยาแก้แพ้ทุกชนิด ก่อนการตรวจ อย่างน้อย 7 -10 วัน
  • เจ็บตัวครั้งเดียวตอนเจาะเลือด เหมาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาแพ้ทางผิวหนัง (Atopic dermatitis)

ข้อเสีย

  • ยังไม่สามารถรู้ผลได้ทันที ต้องรออย่างน้อย 3-4 วัน
  • ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

ตรวจภูมิแพ้ ด้วยวิธีสะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test)

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังแบบสะกิด คือการหยดน้ำยาที่สกัดจากสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ไรฝุ่น เชื้อรา นมวัว ไข่ หรืออาหารทะเล ลงไปบนผิวหนังบริเวณที่ต้องการทดสอบ ในผู้ใหญ่และเด็กโต มักทำบริเวณแขนท่อนล่างด้านใน แล้วใช้ปลายเข็มสะกิดเพื่อให้น้ำยาสามารถซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนัง รออ่านผล 15 นาที เพื่อดูว่าแพ้สารใด หากเกิดอาการแพ้ จะมีตุ่มนูนแดง และคัน บริเวณตำแหน่งที่หยดน้ำยาชนิดต่างๆ การทดสอบวิธีนี้ใช้ปริมาณน้ำยาก่อภูมิแพ้เพียงเล็กน้อย (ประมาณเม็ดถั่วเขียว) โอกาสที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายนั้นมีน้อยมาก

ตรวจภูมิแพ้ ด้วยวิธีสะกิดผิวหนัง

ประโยชน์

  • เพื่อวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ ร่วมกับอาการทางคลินิก
  • เพื่อใช้ในการติดตามผลการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าใต้ผิวหนัง

ประเภทของการทดสอบ

  • การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังเพื่อทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางอาหาร ที่เกิดจากอาหารที่รับประทานกันเป็นประจำ เช่น นมวัว ไข่ขาว ไข่แดง ถั่วลิสง ถั่วเหลือง เนื้อหมู และอาหารทะเลหลากหลายชนิด เป็นต้น
  • การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังเพื่อทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ ที่พบบ่อยในประเทศไทย เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนแมว ขนสุนัข และเชื้อรา เป็นต้น

ตรวจภูมิแพ้ แพ้อาหาร

การเตรียมตัวก่อน ตรวจภูมิแพ้ ด้วยวิธีสะกิดผิวหนัง

  • งดรับประทานยาแก้แพ้ ยาสเตียรอยด์ ก่อนทำการทดสอบ 1-2 สัปดาห์
  • หากมีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาใดๆ อยู่ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการทดสอบ เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลต่อการทดสอบ
  • ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ อาหาร
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้พร้อม ไม่ควรมีไข้ หรืออาการเจ็บป่วยใดๆ ก่อนการทดสอบ
  • ไม่ควรทาโลชั่นบำรุงผิวบริเวณแขนทั้ง 2 ข้าง ในวันที่จะทำการทดสอบ เพราะจะทำให้น้ำทดสอบ ไม่เกาะติดที่ผิวหนัง และเสียเวลาในการล้างออกก่อนทำ

ตรวจภูมิแพ้ แพ้ขนสัตว์

ขั้นตอนการ ตรวจภูมิแพ้ สะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test)

  1. ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ต้องการทดสอบโดยเช็ดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์
  2. ขีดเส้น เพื่อแสดงตำแหน่งที่จะหยดน้ำยาชนิดต่างๆ สำหรับการทดสอบ
  3. หยดน้ำยาทดสอบลงบนผิวหนังที่ทำเครื่องหมายไว้จนครบจำนวนที่ต้องการทดสอบ
  4. ใช้ปลายเข็มปราศจากเชื้อขนาดเล็กสะกิดผิวหนังผ่านบริเวณที่หยดน้ำยา
  5. รออ่านผลประมาณ 15 นาที โดยจะปรากฎเป็นตุ่มนูน แดง คันบริเวณที่มีการแพ้
  6. แปลผลปฎิกิริยาทางผิวหนังต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ ด้วยการวัดขนาดตามอาการบวมแดงของผิวหนัง
  7. อาการบวมแดงที่ผิวหนัง ที่เกิดจากการทดสอบ อาจจะคงอยู่ประมาณ 1-2 ชม. และจะหายไปเอง

ตรวจภูมิแพ้ อาการคัน

ข้อดี

  • สามารถทราบผลการทดสอบได้ภายใน 15 นาที
  • สามารถทดสอบสารก่อภูมิแพ้ได้หลายชนิดพร้อมกัน

ข้อเสีย

  • ต้องหยุดยาแก้แพ้ทุกชนิด อย่างน้อย 7 -10 วัน

โดยทั่วไปพบว่าความไวและความแม่นยำในการทดสอบสารก่อภูมิแพ้ ทั้ง 2 วิธีนี้ไม่แตกต่างกัน การเลือกใช้การทดสอบวิธีใด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย และแพทย์จะให้คำแนะนำในการตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษาให้ถูกต้องเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายต่อไป เช่นกัน

Share
ผู้ที่เขียนบทความ
DR. SADOM      PIANPINIJ
DR. SADOM PIANPINIJ
Otolaryngologist, Thainakarin Hospital
ข้อมูลแพทย์