Shopping Cart

No products in the cart.

โรคปริทันต์อักเสบ…ปัญหาช่องปากที่ต้องรีบรักษา

สาเหตุหลักของการสูญเสียฟันในผู้ใหญ่ 2 ใน 3 นั้นมาจากโรคปริทันต์ (โรคเหงือก) เกิดการอักเสบชนิดเรื้อรัง โดยมีตัวการหลักเป็น ‘แบคทีเรีย’ ที่ส่งผลเสียต่อฟันได้หลายซี่ เมื่อการดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากไม่เหมาะสมจะทำให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ ซึ่งแบคทีเรียจะปล่อยสารพิษออกมา ทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก เหงือกจะมีลักษณะบวม แดง และมีเลือดออกง่าย

 

 

โรคเหงือกอักเสบ

โรคเหงือกอักเสบในระยะเริ่มต้น เมื่อได้รับการรักษาและผู้ป่วยดูแลรักษาความสะอาดอย่างเหมาะสมจะทำให้เกิดการหายของโรคได้

โรคเหงือกอักเสบที่ไม่ได้รับการรักษา จะพัฒนาไปสู่โรคปริทันต์ ซึ่งหมายถึงเมื่อปล่อยไว้คราบจุลินทรีย์จะหนาขึ้น และรุกรานลงไปใต้เหงือกมากขึ้น สารพิษที่ถูกปล่อยออกมาจากแบคทีเรียนั้น นอกจากจะทำให้เหงือกอักเสบแล้ว ยัจจะทำลายกระดูกรอบรากฟันนั้นๆ ด้วย และหากปล่อยให้โรคมีการพัฒนามากขึ้น ขบวนการทำลายเหงือกและกระดูกรอบๆ รากฟันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น จนทำให้ฟันโยก เป็นหนอง ในที่สุดฟันซี่นั้นก็ต้องถูกถอนไป

ดูแลช่องปากให้สะอาด ลดโอกาสเกิดโรคปริทันต์

การดูแลรักษาความสะอาดที่ดีนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันโรคในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นโรคปริทันต์และโรคฟันผุ ช่วยลดภาวะการสูญเสียฟันในอนาคต โดยการทำความสะอาดช่องปาก นอกจากแปรงฟันให้ถูกวิธีแล้ว ยังจำเป็นต้องใช้ไหมขัดฟัน (Dental Floss) ร่วมด้วยเสมอ และสำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือการสร้างให้เกิดเป็นวินัยในการทำความสะอาดทุกวัน

การแปรงฟันที่ถูกวิธี

  1. เริ่มต้นที่การวางแปรงสีฟัน 45 องศา ไปหารอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน ขยับแปรงในแนวนอนสั้นๆ ไม่ให้เกินกว่า 1-2 ซี่ ประมาณ 10 ครั้งในแนวนอน แล้วจึงบิดข้อมือเพื่อปัดขนแปรงลงมาทางปลายฟัน 1 ครั้ง
  2. ในบริเวณฟันหลัง ให้วางแปรงเช่นเดียวกันกับฟันหน้า
  3. บริเวณด้านในของฟันหน้าทั้งบนและล่าง ให้วางแปรงในแนวตั้งแล้วขยับแปรงขึ้น-ลงประมาณ 10 ครั้งต่อ 1 ซี่
  4. บริเวณด้านบดเคี้ยวของฟัน ให้วางแปรงตรงๆ ขยับเข้า-ขยับออก ด้วยแรงเบาๆ

การใช้ไหมขัดฟัน

มีความสำคัญมาก เนื่องจากการแปรงฟันอย่างเดียวนั้นไม่สามารถเข้าถึงบริเวณซอกฟัน และลักษณะซ้อนเก ระหว่างฟันได้ ดังนั้นการใช้ไหมขัดฟันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขจัดคราบแบคทีเรียให้หมดไปในแต่ละวัน การใช้ไหมขัดฟันนั้นต้องอาศัยการฝึกฝนจนพัฒนาให้เกิดความชำนาญ ในบางครั้งท่านอาจจะต้องให้ทันตแพทย์ช่วยท่านฝึกหัด

  1. ใช้ไหมขัดฟันยาวประมาณ 1 ฟุต พันไว้ที่นิ้วกลางทั้ง 2 ข้าง และใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งเป็นตัวพาไหมขัดฟันไปยังซอกฟันที่ต้องการทำความสะอาด
  2. ให้เริ่มทำความสะอาดจากฟันหลังซี่สุดท้ายในสุดเสียก่อน โดยโอบฟันในรูปตัวซี (C) จากนั้นเริ่มขยับนิ้วชี้ และไหมขัดฟันไปทางซ้าย-ขวา ประมาณ 10 ครั้ง แล้วค่อยๆ นำไหมขัดฟันออกมา
  3. ทำความสะอาดซอกฟันถัดมา โดยให้นิ้วชี้และนิ้วโป้งพาไหมขัดฟันไปยังซอกฟันถัดมา ค่อยๆ ขยับไหมขัดฟันให้ผ่านลงมาในซอกฟัน และลึกลงไปให้ถึงใต้เหงือกเล็กน้อย ให้ไหมขัดฟันโอบตัวฟันบริเวณรอยต่อระหว่างเหงือกกับฟัน จากนั้นดันนิ้วชี้ผลักไหมขัดฟันไปทางด้านใน ลึกเข้าไปทางช่องปาก แล้วเริ่มขยับไหมขัดฟันไปทางซ้าย-ขวา ประมาณ 10 ครั้ง เช่นเดิม
  4. ต้องไม่ลืมที่จะต้องใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดผิวฟัน บริเวณซอกฟันทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านใน (ลึกเข้าไปทางช่องปาก) และด้านนอก (โดยใช้นิ้วชี้บังคับไหมขัดฟัน มาทางด้านหน้าของช่องปาก)
  5. บริเวณฟันหน้าอาจใช้นิ้วโป้งช่วยในการขยับไหมขัดฟันได้เช่นกัน

วิธีการเลือกอุปกรณ์การทำความสะอาดฟัน

แปรงสีฟัน

  • ขนแปรงอ่อนนุ่ม ด้ามตรง ขนแปรงยาวเท่ากัน
  • ขนาดพอเหมาะกับช่องปาก ไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไป

ยาสีฟัน

  • เลือกที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
  • มีลักษณะเป็นเนื้อครีม

ไหมขัดฟัน

  • มีให้เลือกทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบขี้ผึ้ง (Waxed and Non-waxed)

การดูแลรักษาความสะอาดที่เหมาะสมนั้น
เป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันโรคและเพื่อไม่ประมาท
แนะนำให้พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปาก
อย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้ง (ทุก 4 เดือน)
จะได้มีสุขภาพช่องปากที่ดีค่ะ

Share
ผู้ที่เขียนบทความ
ทพญ. ธัญยธรณ์ นริพทะพันธุ์
ทพญ. ธัญยธรณ์ นริพทะพันธุ์
ทันตแพทย์ประจำโรงพยาบาลไทยนครินทร์
ข้อมูลแพทย์