กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) เกิดจากเชื้อโรคที่อยู่บริเวณปากช่องคลอด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อโรคมาจากทวารหนักเป็นสาเหตุสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อมีความเสี่ยง เช่น ความไม่สะอาดกิจกรรมทางเพศสัมพันธ์ โรคเบาหวาน และยังมีโรคร่วมในระบบทางเดินปัสสาวะหลายโรคทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้
ปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง ที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- เพศหญิง มีท่อปัสสาวะสั้นมากเมื่อเทียบกับชาย เชื้อโรคที่อยู่บริเวณปากช่องคลอดจึงมีโอกาสเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่า จึงมักพบโรคนี้ในหญิงทุกวัยมากกว่าในชายโดยเฉพาะในหญิงวัยเจริญพันธุ์ ในวัยหมดประจำเดือน และในหญิงสูงอายุเยื่อบุทางเดินปัสสาวะจะบางลงและความต้านทานโรคต่ำลง เกิดโรคนี้ได้ง่ายมากขึ้น
- ในชายอายุ 50-60 ปีขึ้นไปที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต เป็นปัจจัยทำให้ชายสูงอายุเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้
อาการเตือนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
อาการที่สำคัญ คือ ปัสสาวะบ่อย แสบขัด อาจบ่อยมากทุกๆ 1-2 ชั่วโมงหรือกระปริบประปรอย หรืออาจแสบขัดมาก จนไม่อยากถ่ายปัสสาวะแล้วแต่ความรุนแรงของโรค อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น
- ปัสสาวะไม่ค่อยสุดหรือมีปัสสาวะหยดหรือไหลซึมออกมาอีก
- ปวดท้องน้อยตอนปัสสาวะสุด อาจปวดมากแบบบิดเกร็งหรืออาจปวดแบบถ่วงๆ แบบเป็นๆ หายๆ หรืออาจรู้สึกปวดตลอดเวลา
- พอรู้สึกปวดต้องรีบถ่าย บางครั้งกลั้นไม่ได้จนมีปัสสาวะเล็ดออกมา
- ปัสสาวะปวดเบ่งหรือไม่ค่อยออก
- ปัสสาวะมีเลือดหยดออกมาตอนสุดหรือมีเลือดปนในน้ำปัสสาวะ
- ปัสสาวะขุ่น
- ต้องตื่นลุกขึ้นมาปัสสาวะเกิน 2 ครั้งขึ้นไปในหนึ่งคืน
ในกรณีที่เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเล็กน้อยหรือแบบเรื้อรัง อาการดังกล่าว อาจมีเพียงเล็กน้อยจนผู้ป่วยไม่ทันสังเกต แต่หากปล่อยทิ้งไว้และไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้
การตรวจและวินิจฉัย
คนที่มีอาการดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าตรวจพบเม็ดเลือดขาวในน้ำปัสสาวะ ก็วินิจฉัยได้เลยว่ามีกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การตรวจร่างกายอาจพบว่ากดเจ็บบริเวณท้องน้อย มีไข้ อาจตรวจพบการอักเสบบวมแดงหรือพบแต้มเลือดหรือพบเมือกขุ่นขาวที่ปลายท่อปัสสาวะ อาจจำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคร่วมกับกระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วย
โรคอะไรบ้างที่เอื้ออำนวยหรือเกิดร่วมกับกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ (ไต กรวยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ)
- โรคประสาทกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะไม่ทำงานอย่างปกติ
- โรคกระเพาะปัสสาวะผิดปกติแต่กำเนิดแบบเรื้อรัง
- โรคมดลูกและกล้ามเนื้ออุ้มเชิงกรานหย่อนยาน
- โรคกระเพาะปัสสาวะหรือหูรูดกระเพาะปัสสาวะเสื่อม
- โรคเยื่อบุช่องคลอดแห้งในหญิงวัยหมดประจำเดือน
- โรคมะเร็งในทางเดินปัสสาวะ
ในผู้สูงอายุชายต้องคำนึงถึงโรคสำคัญของต่อมลูกหมาก 3 โรค คือ ต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมากอักเสบและมะเร็งต่อมลูกหมาก
วีธีการรักษา
- รับประทานยาฆ่าเชื้อโรคที่เหมาะสม
- รับประทานยา รักษาอาการ เช่น อาการปวด อาการเจ็บแสบ อาการปัสสาวะลำบาก
- ดื่มน้ำ วันละ 2-5 ลิตรต่อวัน (24 ชั่วโมง)
- รักษาอนามัยของร่างกายและอนามัยในกิจกรรมทางเพศ
- ต้องติดตามตรวจปัสสาวะหลังให้ยารักษา (5-10 วัน)
ดูแลและป้องกันตัวเองอย่างไร
- รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและบริเวณทวารหนัก โดยเฉพาะหลังปัสสาวะและอุจจาระ
- รักษาอนามัยในกิจกรรมทางเพศและในระยะที่มีประจำเดือน
- ปัสสาวะ หลังมีเพศสัมพันธุ์
- ไม่กลั้นปัสสาวะนานจนเกินไป
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
- เมื่อมีโรคใดๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะโรคที่มีการอักเสบติดเชื้อ ต้องรีบรักษาเพื่อไม่ให้ลุกลาม
- เมื่อมีโรคที่มีความเสี่ยงกระเพาะปัสสาวะ เช่น โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะหรืออื่นๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที